มารยาทในภัตตาคาร
การรับประทานอาหารในภัตตาคาร แทบจะเป็นสิ่งจําเป็นที่จะขาดเสียมิได้ในวงธุรกิจในปัจจุบัน จาก
การปรึกษาธุรกิจอาหารเช้า เรื่อยไปจนถึง การเลี้ยงรับรองลูกค้าในยามค่ําคืนซึ่งจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่
ในภัตตาคาร มารยาทในภัตตาคารที่ควรรู้มีดังนี้
1. ก่อนที่จะเดินทางไปภัตตาคาร ควรจะโทรศัพท์สอบถามว่า จําเป็นต้องจองโต๊ะ หรือมีข้อกําหนดใน
การแต่งการประการใด เพราะบางภัตตาคาร กําหนดให้ลูกค้าใส่สูทผูกเนคไท บางภัตตาคารไม่มีข้อจํากัด
เจ้าภาพควรสอบถามภัตตาคารว่ารับบัตรเครดิต หรือเช็ค หรือไม่ การสอบถามล่วงหน้าจะช่วยให้ไม่ขลุกขลัก
เสียหน้าในตอนจ่ายเงิน
2. เข้าภัตตาคารโตยปกติเม่ือเข้าภัตตาคาร ผู้ชายจําเป็นต้องฝากเสื้อโค้ต และหมวกส่วนสุภาพสตรี
จะฝาก หรือไม่ก็ได้เพราะบางแห่งอาจจะไม่รับฝากเสื้อขนมิ้งค์หรือเฟอร์ผู้หญิงควรจะสวมเสื้อโค้ตจนถึงเก้าอี้
จากนั้นจึงถอดพาดเก้าอี้กิริยามารยาทที่ดีของสุภาพบุรุษ คือ ช่วยสุภาพสตรีถอดเสื้อโค้ต3. สตรีจะเดินนําหน้าสุภาพบุรุษเข้าไปในภัตตาคาร บริกร หัวหน้าบริการหรือผู้จัดการจะออกมา
ต้อนรับ หากคุณจองโต๊ะล่วงหน้า แจ้งชื่อผู้จองพนักงานให้ทราบ และแจ้งจํานวนแขกที่มารับประทานอาหาร
สตรีจะเดินตามบริกรไปยังโต๊ะ บุรุษจะเดินรั้งท้ายโดยปกติแล้ว บริกรจะช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้สุภาพสตรีหากไม่
มีบริกรสุภาพบุรุษจุช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้สตรี
4. โดยทั่วไป บริกรจะสอบถามว่าต้องการเครื่องดื่มอะไรบ้าง ในการปรึกษาธุรกิจในมื้ออาหารควรจะ
เริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มที่ไม่เจือแอลกอฮอล์หรือสั่งไวน์แทนค็อกเทลอย่ารู้สึกอับอาย ถ้าต้องการจะสั่งน้ําอัดลม
หรือน้ําผลไม้หากคุณไม่ต้องการดื่ม ขอเมนูอาหารได้เลย
5. อ่านเมนูหากอ่านเมนูไม่เข้าใจ หรือไม่ทราบว่าเป็นอาหารชนิดใด สอบถามหรือให้บริกรอธิบาย
ความหมาย อย่าปล่อยให้ภาษาต่า ประเทศแปลก ๆ เป็นอุปสรรค ภัตตาคารที่มีอาหารจานนั้น คําต่างประเทศ
ที่มักจะพบในเมนูเป็นประจําจนแทบจะกลายเป็นศัพท์ทั่วไปแล้วมีดังนี้
- A la carte (อะ-ลา-คาร์ต) หมายถึง การคิดราคาอาหารแต่ละจานแยกจากกัน
- Emtree (อาห์น-เทร) หมายถึง แมนคอร์ส
- Hors d oeuvers (ออร์-เดิร์ฟ) หมายถึง แอพพิไทเซอร์หรืออาหารว่างเรียกน้ําย่อย
- Legumes (เลย์-กูมส์) หมายถึง ผัก
- Prix fixe (ปี-ฟรีกส์) หมายถึง ราคามื้ออาหาร
- Tabale d hote (ทาห์-บลู-โดต) หมายถึง มื้ออาหารที่มีหลายคอร์ส และจะนําเสนอรวมในราคา
ที่กําหนดภัตตาคารบางแห่ง อาจมีอาหารจานพิเศษมักจะมีราคาแพงกว่าอาหารที่จัดอยู่ในเมนูการสอบถาม
ราคาไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด
การสั่งไวน์ บริกรจะสอบถามว่าต้องการดูรายชื่อไวน์ หรือไม่ บางแห่งอาจจะมีบริกรไวน์ หรือ
Sommelier (โซ-เมล-เยย์) อาจจะขอคําแนะนําจากบริกรไวน์ก็ได้โดยทั่วไปแล้วไวน์แดงจะเสิร์ฟกับเนื้อแดง
เช่น เนื้อวัว ไวน์ขาวจะเสิร์ฟกับเนื้อขาว เช่น เนื้อปลา หรือสัตว์ปีก ไวน์โร่เซ่เหมาะกับเนื้อแกะ และเนื้อลูกวัว
ภัตตาคารบางแห่งอาจจะมีไวน์ปรุงเองซึ่งจะจําหน่ายเป็นแก้ว หรือเป็นเหยือก (carafe)
หากสั่งไวน์เป็นขวด บริกรไวน์จะรินตัวอย่างให้ควรดมกลิ่น และชิมรสชาติของไวน์หากใช้ได้จะผงก
ศีรษะรับ บริกรไวน์จะรินไวน์ขวดนั้นแจกแขกรอบโต๊ะ แต่ถ้ารสชาติผิดปกติเปรี้ยวจัดรสชาติคล้ายน้ําส้มสายชู
บอกให้บริกรไวน์ทราบ ทางร้านจะเปลี่ยนขวดใหม่ให้
การสั่งอาหาร ถ้ามีแขกหลายคน แต่ละคนอาจจะเลือกสั่งอาหารเอง แต่ถ้าเป็น งานเลี้ยงขนาดเล็ก
เจ้าภาพจะเป็นผู้สั่งอาหาร หลังจากที่ถามความต้องการของแขกรอบโต๊ะแล้วเจ้าภาพ ควรจะเลือกภัตตาคารที่
สามารถจ่ายค่าอาหารเมนูได้แขกจะเลือกอาหารได้ไม่จํากัด ขอให้สนใจสอบถามความต้องการของแขกเพราะ
บางคนอาจจะแพ้อาหารบางชนิด มีข้อจํากัดทางศาสนาห้ามรับประทานอาหารบางประเภท หรืออยู่ในช่วง
จํากัดอาหาร อย่ายัดเหยียดอาหารให้แขก ถ้าเป็นแขกรับเชิญ ควรจะคํานึงถึงกระเป๋าของเจ้าภาพ ไม่ควรสั่งอาหารที่แพงที่สุดในร้าน อาจจะขอคําแนะนําให้เจ้าภาพช่วยแนะนําอาหารให้คําแนะนําของเจ้าภาพจะช่วยให้
คุณสั่งอาหารที่เหมาะสม
การชําระค่าอาหารเจ้าภาพจะขอเช็คจากบริกรหลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเสร็จแล้วมอง
กวาดหาข้อผิดพลาดในการคิดเงิน หากพบข้อผิดพลาดแจ้งให้บริกรทราบเงียบ ๆ อย่าโวยวายให้เป็นเรื่อง
ใหญ่โต หากทางร้านไม่ยอมแก้ไขข้อผิดพลาดนั้น ควรจะจ่ายเงินและออกจากร้านแต่โดยดี และไม่ใช้บริการ
ของภัตตาคารนั้นอีก หรือสอบถามการคิดราคาอาหารในวันหลัง
ในภัตตาคารส่วนใหญ่อาจจะชําระค่าอาหาร โดยเงินสด หรือบัตรเครดิต ภัตตาคารบางแห่งมีบริการ
ส่งในเสร็จรับเงิน ไปเก็บเงินภายหลัง หากรับประทานอาหารในภัตตาคารของโรงแรมอาจจะให้คิดค่าอาหาร
รวมไปกับค่าที่พัก เพียงแต่เซ็นชื่อ และหมายเลขห้องพักเท่านั้น
ในบางกรณีแขกแต่ละคนอาจจะต้องการแยกชําระ ค่าอาหารของตน ควรจะแจ้งให้บริกรทราบ
ล่วงหน้าก่อนจะได้มีการออกใบเสร็จรับเงินเป็นรายบุคคล หากมีใบเสร็จใบเดียวขอให้หารแบ่งจํานวนเงินที่แต่
ละคนต้องจ่ายขอให้คุณชําระเงินอย่างเพียงพอในส่วนของคุณทั้งค่าอาหาร และทิป
เมื่อชําระค่าอาหารแล้วสภาพบุรุษควรจะลุกขึ้นก่อนและช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้สุภาพสตรีสตรีจะเดิน
นําหน้าออกไปยังห้องฝากเสื้อโค้ต กิริยามารยาทที่ดีคือช่วยสุภาพสตรีสวมเสื้อโค้ต
วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
สรุปข้อควรจาเกี่ยวกับมารยาทบนโตะอาหาร
สรุปข้อควรจาเกํ ี่ยวกับมารยาทบนโตะอาหาร ๊
1. ผ้าเช็ดปากให้วางอยู่บนตักเท่านั้นอย่ายัดชายเข้าไปในขอบเสื้อ หรือกระโปรง หรือเหน็บไว้ใต้คาง
ทันทีที่คุณนั่งเรียบร้อยแล้ว ให้วางผ้าเช็ดปากลงบนตัว และเมื่อได้รับประทานอาหารเสร็จ ให้วางผ้าเช็ดปากลง
บนด้ายซ้ายจานของคุณโดยไม่ต้องพับผ้า
2. ใช้เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารตามลําดับที่จัดวางบนโต๊ะ เริ่มจากชิ้นที่อยู่นอกสุด ไล่เข้ามาด้านใน ใน
มือซ้ายจับส้อม และมือขวาจับมีด และช้อน ถ้ามีจานเนย มีดป้ายเนยจะวางขวางอยู่บนจานเนย จานเนยและ
จานสลัดจะอยู่ด้านซ้ายของคุณเสมอ
3. เมื่อมีการพักระหว่างการรับประทานอาหาร วางเครื่องใช้บนจานของคุณ อย่าวางด้ามจับอยู่บน
โต๊ะ และปลายอยู่บนจาน
4. อย่าใช้นิ้ว หรือมีดดันอาหารเข้ากับส้อม
5. ตักอาหารใส่ปาก อย่าก้มหัวลงไปหาจาน พยายามนั่งให้หลังตรง ศีรษะตั้งตรง แม้ในขณะ
รับประทานอาหาร
6. อย่าอ้าปากเคี้ยวอาหาร หรือพูดในขณะที่มีอาหารอยู่ในปาก
7. อย่าเท้าศอกบนโต๊ะอาหาร วางมือซ้ายของคุณ (หรือมือขวา ถ้าคุณถนัดซ้าย) ไว้บนตักระหว่าง
การรับประทานอาหาร ควรจะหนีบศอกสองข้างให้ชิดลําตัวเสมอ
8. รอให้อาหารของคุณเย็นลง อย่าใช้วิธีการเป่าด้วยปากเป็นอันขาด มีอะไรอย่างอื่นที่คุณพอจะ
รับประทานบนจานของคุณเสมอ
9. ใช้วางช้อนส้อมที่ใช้แล้วบนจาน หรือจานรองเท่านั้น อย่าวางไว้บนโต๊ะ และอย่าพยายามทําความ
สะอาดจานหรือช้อนส้อม ในภัตตาคารคุณสามารถขอช้อน หรือส้อมอันใหม่ได้ตลอดเวลา
10. การรับประทานน้ําซุป ถ้าเสิร์ฟมาในถ้วยหูไม่ว่าหนึ่งข้าง หรือสองข้าง ให้ดื่มจากถ้วยได้คุณ
อาจจะกินน้ําซุป หรือกาแฟจากช้อนก่อน แต่หลังจากนั้นให้ดื่มจากถ้วย ถ้าเป็นซุปที่ใส่ผัก หรือเส้นมาด้วย ให้
ใช้ช้อนช่วยตักได้เมื่อไม่ใช้แล้วยกช้อนออกจากถ้วย และวางไว้บนจานรองถ้วยเสมอ
11. เมื่อรับประทานเสร็จแล้ว ให้วางมีด และส้อมบนจาน ในลักษณะที่ไม่เลื่อนหลุดออกจากจาน เมื่อ
เก็บจาน ส้อมควรจะวางไว้ด้านซ้ายของมีด และด้ามคมของมีดควรจะหันค่อนไปทางขวาก็ได้ (ให้สังเกตว่า
ปลายส้อมหลายขึ้นตามแบบอเมริกัน ถ้าเป็นแบบยุโรปจะคว่ําปลายส้อม)
12. ถ้าอาหารมีน้ําซอส หรือแกรวี่ ให้ราดลงบนโต๊ะอาหารได้เลย แต่ถ้าเป็นเยลลี่ หรือเครื่องเคียง
อย่างอื่น ให้ตักวางบนจานแยกอาหาร และตักทีละคําพร้อมกับเนื้อ หรืออาหาร
13. ถ้าไม่มีพนักงานเสิร์ฟอาหาร การส่งผ่านอาหาร ให้ส่งผ่านทางขวามือไปรอบโต๊ะกว่านั้น เวลา
รับประทานอาหารใช้ป้ายเนย ทีละชิ้นทีละคํา
1. ผ้าเช็ดปากให้วางอยู่บนตักเท่านั้นอย่ายัดชายเข้าไปในขอบเสื้อ หรือกระโปรง หรือเหน็บไว้ใต้คาง
ทันทีที่คุณนั่งเรียบร้อยแล้ว ให้วางผ้าเช็ดปากลงบนตัว และเมื่อได้รับประทานอาหารเสร็จ ให้วางผ้าเช็ดปากลง
บนด้ายซ้ายจานของคุณโดยไม่ต้องพับผ้า
2. ใช้เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารตามลําดับที่จัดวางบนโต๊ะ เริ่มจากชิ้นที่อยู่นอกสุด ไล่เข้ามาด้านใน ใน
มือซ้ายจับส้อม และมือขวาจับมีด และช้อน ถ้ามีจานเนย มีดป้ายเนยจะวางขวางอยู่บนจานเนย จานเนยและ
จานสลัดจะอยู่ด้านซ้ายของคุณเสมอ
3. เมื่อมีการพักระหว่างการรับประทานอาหาร วางเครื่องใช้บนจานของคุณ อย่าวางด้ามจับอยู่บน
โต๊ะ และปลายอยู่บนจาน
4. อย่าใช้นิ้ว หรือมีดดันอาหารเข้ากับส้อม
5. ตักอาหารใส่ปาก อย่าก้มหัวลงไปหาจาน พยายามนั่งให้หลังตรง ศีรษะตั้งตรง แม้ในขณะ
รับประทานอาหาร
6. อย่าอ้าปากเคี้ยวอาหาร หรือพูดในขณะที่มีอาหารอยู่ในปาก
7. อย่าเท้าศอกบนโต๊ะอาหาร วางมือซ้ายของคุณ (หรือมือขวา ถ้าคุณถนัดซ้าย) ไว้บนตักระหว่าง
การรับประทานอาหาร ควรจะหนีบศอกสองข้างให้ชิดลําตัวเสมอ
8. รอให้อาหารของคุณเย็นลง อย่าใช้วิธีการเป่าด้วยปากเป็นอันขาด มีอะไรอย่างอื่นที่คุณพอจะ
รับประทานบนจานของคุณเสมอ
9. ใช้วางช้อนส้อมที่ใช้แล้วบนจาน หรือจานรองเท่านั้น อย่าวางไว้บนโต๊ะ และอย่าพยายามทําความ
สะอาดจานหรือช้อนส้อม ในภัตตาคารคุณสามารถขอช้อน หรือส้อมอันใหม่ได้ตลอดเวลา
10. การรับประทานน้ําซุป ถ้าเสิร์ฟมาในถ้วยหูไม่ว่าหนึ่งข้าง หรือสองข้าง ให้ดื่มจากถ้วยได้คุณ
อาจจะกินน้ําซุป หรือกาแฟจากช้อนก่อน แต่หลังจากนั้นให้ดื่มจากถ้วย ถ้าเป็นซุปที่ใส่ผัก หรือเส้นมาด้วย ให้
ใช้ช้อนช่วยตักได้เมื่อไม่ใช้แล้วยกช้อนออกจากถ้วย และวางไว้บนจานรองถ้วยเสมอ
11. เมื่อรับประทานเสร็จแล้ว ให้วางมีด และส้อมบนจาน ในลักษณะที่ไม่เลื่อนหลุดออกจากจาน เมื่อ
เก็บจาน ส้อมควรจะวางไว้ด้านซ้ายของมีด และด้ามคมของมีดควรจะหันค่อนไปทางขวาก็ได้ (ให้สังเกตว่า
ปลายส้อมหลายขึ้นตามแบบอเมริกัน ถ้าเป็นแบบยุโรปจะคว่ําปลายส้อม)
12. ถ้าอาหารมีน้ําซอส หรือแกรวี่ ให้ราดลงบนโต๊ะอาหารได้เลย แต่ถ้าเป็นเยลลี่ หรือเครื่องเคียง
อย่างอื่น ให้ตักวางบนจานแยกอาหาร และตักทีละคําพร้อมกับเนื้อ หรืออาหาร
13. ถ้าไม่มีพนักงานเสิร์ฟอาหาร การส่งผ่านอาหาร ให้ส่งผ่านทางขวามือไปรอบโต๊ะกว่านั้น เวลา
รับประทานอาหารใช้ป้ายเนย ทีละชิ้นทีละคํา
มารยาทบนโต๊ะอาหาร
มารยาทบนโต๊ะอาหาร
การไม่รู้จักมารยาทบนโต๊ะอาหารจะเป็นอุปสรรคสําคัญขัดขวางความก้าวหน้าในอาชีพได้มาก เพราะ
คนทํางานแล้วส่วนใหญ่จะต้องมีโอกาสร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อนร่วมงาน หรือผู้บังคับบัญชาอยู่เสมอ ๆ
จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเรียนรู้มารยาทที่จําเป็นบนโต๊ะอาหารแต่ในความเป็นจริงแล้ว คนส่วนใหญ่มี
นิสัยการรับประทานอาหารไม่ใคร่จะเรียบร้อยโดยไม่รู้ตัวซึ่งเป็นการทอนเสน่ห์ให้ลดถอยอย่างน่าเสียดาย ทอง
ทดสอบตัวเองอีกครั้ง โดยย้อนกลับไปทําแบบฝึกหัด “มารยาทบนโต๊ะอาหารของคุณ” หาข้อบกพร่องที่คุณ
ต้องการจะปรับปรุงการใช้เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร หากเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร จัดไว้ในแบบที่คุณไม่คุ้นเคย
ขอให้สังเกตการณ์ใช้ช้อนส้อมของเจ้าภาพ โดยทั่วไปแล้ว เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารจัดวางไว้ตามอยู่ในสุดสําหรับ
อาหารจานสุดท้าย บางแห่งจะนิยมวางช้อนส้อมสําหรับของหวานอยู่เหนือจานในแนวขวาง
การถือมีด และส้อม ควรจะจับบริเวณปลายด้าม อย่าจับให้นิ้วอยู่ชิดกับบริเวณปลายส้อม หรือใกล้
ใบมีด การถือส้อมนั้น อาจจะทําได้ 2 ลักษณะ คนยุโรปรับประทานอาหารด้วยมือซ้าย และคว่ําปลายส้อมลง
ส่วนคนอเมริกันนั้น หลังจากตัดอาหารออกชิ้นหนึ่งก็จะสลับส้อมมาที่มือขวา และหงายปลายส้อมขึ้นเพื่อตัก
อาหารรับประทาน ทั้ง 2 วิธีถือว่าเป็นวิธีที่ถูกต้อง แต่ถ้าคุณเลือกใช้วิธีแบบอเมริกันแล้ว อย่าลืมวางมีดลงบน
จานหลังจากตัดชิ้นเนื้อแต่ละครั้ง ถ้าคุณถนัดมือซ้าย ก็ทําตามวิธีที่กล่าวมาเพียงแต่กลับซ้ายเป็นขวาเท่านั้นเอง
ในการพักมีดส้อมทุกครั้ง คุณจะต้องวางมีด หรือส้อมลงบนจาน ใส่ด้านที่จัดวางไว้แต่แรกนั้นคือ ส้อม
อยู่ด้านซ้าย และมีดอยู่ด้ายขวา โดยให้ด้ามจับพักอยู่บนขอบจาน แต่อย่าให้ยื่นออกมามาก จําไว้ให้ดีว่า
ช้อนส้อมของคุณอยู่บนจาน อย่าวางไว้บนโต๊ะอาหาร
อย่าทิ้งช้อนกาแฟไว้ในถ้วยกาแฟเป็นอันขาด หลังจากคนกาแฟแล้วยกช้อนออกมาวางไว้บนจานรอง
ถ้วยกาแฟด้านขวาเสมอ
ในการรับประทานอาหารซุปด้วยช้อน ให้ตักออกจากตัว เพื่อกันน้ําซุปกระเด็นใส่เนคไท หรือเสื้อคุณ
และเพื่อกันไม่ให้น้ําซุปหกเรี่ยราด หรือเกิดเสียงดังเวลาคุณซดน้ําจากช้อนควรจะตักน้ําซุปไม่ให้ปริ่มขอบช้อน
และไม่ควรดูดช้อนทั้งอันเข้าไปในปากทั้งหมดในการขอดน้ําซุปจากก้นถ้วย ให้เอียงเข้าหาคุณ บางครั้งซุปจะ
ถูกเสิร์ฟในถ้วยหูหลังจากใช้ช้อนตักรับประทานหนึ่ง หรือสองช้อน คุณยกถ้วยซุปขึ้นดื่มได้เลย
การไม่รู้จักมารยาทบนโต๊ะอาหารจะเป็นอุปสรรคสําคัญขัดขวางความก้าวหน้าในอาชีพได้มาก เพราะ
คนทํางานแล้วส่วนใหญ่จะต้องมีโอกาสร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อนร่วมงาน หรือผู้บังคับบัญชาอยู่เสมอ ๆ
จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเรียนรู้มารยาทที่จําเป็นบนโต๊ะอาหารแต่ในความเป็นจริงแล้ว คนส่วนใหญ่มี
นิสัยการรับประทานอาหารไม่ใคร่จะเรียบร้อยโดยไม่รู้ตัวซึ่งเป็นการทอนเสน่ห์ให้ลดถอยอย่างน่าเสียดาย ทอง
ทดสอบตัวเองอีกครั้ง โดยย้อนกลับไปทําแบบฝึกหัด “มารยาทบนโต๊ะอาหารของคุณ” หาข้อบกพร่องที่คุณ
ต้องการจะปรับปรุงการใช้เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร หากเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร จัดไว้ในแบบที่คุณไม่คุ้นเคย
ขอให้สังเกตการณ์ใช้ช้อนส้อมของเจ้าภาพ โดยทั่วไปแล้ว เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารจัดวางไว้ตามอยู่ในสุดสําหรับ
อาหารจานสุดท้าย บางแห่งจะนิยมวางช้อนส้อมสําหรับของหวานอยู่เหนือจานในแนวขวาง
การถือมีด และส้อม ควรจะจับบริเวณปลายด้าม อย่าจับให้นิ้วอยู่ชิดกับบริเวณปลายส้อม หรือใกล้
ใบมีด การถือส้อมนั้น อาจจะทําได้ 2 ลักษณะ คนยุโรปรับประทานอาหารด้วยมือซ้าย และคว่ําปลายส้อมลง
ส่วนคนอเมริกันนั้น หลังจากตัดอาหารออกชิ้นหนึ่งก็จะสลับส้อมมาที่มือขวา และหงายปลายส้อมขึ้นเพื่อตัก
อาหารรับประทาน ทั้ง 2 วิธีถือว่าเป็นวิธีที่ถูกต้อง แต่ถ้าคุณเลือกใช้วิธีแบบอเมริกันแล้ว อย่าลืมวางมีดลงบน
จานหลังจากตัดชิ้นเนื้อแต่ละครั้ง ถ้าคุณถนัดมือซ้าย ก็ทําตามวิธีที่กล่าวมาเพียงแต่กลับซ้ายเป็นขวาเท่านั้นเอง
ในการพักมีดส้อมทุกครั้ง คุณจะต้องวางมีด หรือส้อมลงบนจาน ใส่ด้านที่จัดวางไว้แต่แรกนั้นคือ ส้อม
อยู่ด้านซ้าย และมีดอยู่ด้ายขวา โดยให้ด้ามจับพักอยู่บนขอบจาน แต่อย่าให้ยื่นออกมามาก จําไว้ให้ดีว่า
ช้อนส้อมของคุณอยู่บนจาน อย่าวางไว้บนโต๊ะอาหาร
อย่าทิ้งช้อนกาแฟไว้ในถ้วยกาแฟเป็นอันขาด หลังจากคนกาแฟแล้วยกช้อนออกมาวางไว้บนจานรอง
ถ้วยกาแฟด้านขวาเสมอ
ในการรับประทานอาหารซุปด้วยช้อน ให้ตักออกจากตัว เพื่อกันน้ําซุปกระเด็นใส่เนคไท หรือเสื้อคุณ
และเพื่อกันไม่ให้น้ําซุปหกเรี่ยราด หรือเกิดเสียงดังเวลาคุณซดน้ําจากช้อนควรจะตักน้ําซุปไม่ให้ปริ่มขอบช้อน
และไม่ควรดูดช้อนทั้งอันเข้าไปในปากทั้งหมดในการขอดน้ําซุปจากก้นถ้วย ให้เอียงเข้าหาคุณ บางครั้งซุปจะ
ถูกเสิร์ฟในถ้วยหูหลังจากใช้ช้อนตักรับประทานหนึ่ง หรือสองช้อน คุณยกถ้วยซุปขึ้นดื่มได้เลย
มารยาทในการรับประทานอาหาร
มารยาทในการรับประทานอาหาร
1. ถ้าไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร ฝ่ายหญิงควรเดินนําหน้า และเลือกโต๊ะนั่ง ฝ่ายชายควร
แนะนําให้ฝ่ายหญิงสั่งอาหาร
2. ฝ่ายหญิงไม่ควรสั่งอาหารแพง ๆ เพื่อเป็นการแกล้งให้ฝ่ายชายจ่ายเงินมาก ๆ
3. ไม่ตักอาหารจนพูนพาน ไม่เลื่อน หรือเขี่ยอาหารที่ไม่ชอบออกไปนอกจานของตัวเอง
4. กางผ้ากันเปื้อน หรือผ้าเช็ดมือไว้บนตัก รับประทานอาหารเงียบๆ และสุภาพ ไม่พูดคุยหรือ
นั่งเหม่อ
5. ไม่รับประทานอาหารแบบกินคําหนึ่ง ดื่มน้ําครั้งหนึ่ง
6. ไม่แสดงท่าทางรังเกียจอาหารบางอย่าง หรือคนอื่น ๆ
7. ไม่รับประทานอาหารเสียงดัง ซี้ดซ้าด จุ๊บจั๊บ เรอ หรือกวาด งม คุ้ย อาหารบนโต๊ะ
8. ไม่ขออาหารในจานผู้อื่น และไม่คายกาก หรือเศษอาหารไว้ในจานดูเลอะเทอะ
9. ระมัดระวังเครื่องปรุงเครื่องใช้อย่าให้ตกหล่น หรือวางเกะกะผู้อื่น
10. หากทําเครื่องใช้ตกหล่น ไม่ควรก้มลงเก็บ ควรรอให้พนักงานจัดหามาให้ใหม่
11. หากมีการเสิร์ฟอาหารเพิ่มควรตักไว้เพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้น
12. ใช้มือขวาถือมีด มือซ้ายถือส้อมเสมอ แต่ถ้าขณะรับประทานให้ถือซ่อมด้วยมือขวา
13. ห้ามสนทนาในเรื่องสกปรก น่าสะเอียน หรือเรื่องเศร้าสะเทือนใจ
14. ไม่ควรดื่มสุราจนเมามาย และไม่คะยั้นคะยอให้ผู้อื่นดื่มเป็นเพื่อนจนงานเลิก
15. อย่าใช้ช้อนตักน้ําชา กาแฟมากิน ควรวางช้อนในจานรองแก้วแล้วยกถ้วยขึ้นดื่ม
16. ควรใช้ช้อน ส้อม และมีดในการตัดกระดูก หรือก้าง เวลาคายกากเมล็ด หรือก้าง ควรใช้
ผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชูบัง แล้วใช้กระดาษทิชชูรับมาวางไว้ในที่อันสมควร
17. อาหารที่เป็นน้ําซุปต้องรับประทานอาหารจากด้านในของช้อน ขนมปังใช้มือบิเป็นก้อนเล็กทาเนย
แล้วจึงรับประทาน ห้ามกัดทั้งก้อนใหญ่ ๆ อาหารที่เป็นประเภทเสียบไม้ควรใช้มีดกับส้อมตัดออกมาใส่จาน
ก่อนรับประทาน
18. การรับประทานอาหารแบบบุฟเฟต์ ควรเดินตักอาหารเรียงเป็นแถวทวนไปตามเข็มนาฬิกา
ตักอาหารใส่จานแต่พอดีและพออิ่ม ไม่ตักจานล้น แล้วรีบกลับมาที่โต๊ะเพื่อให้แขกคนอื่นตักบ้าง
19. ถ้าคุณเป็นเจ้าของบ้าน หรือเจ้าภาพ ควรทานทีละน้อยเพื่อไม่ให้อิ่มก่อนแขก
1. ถ้าไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร ฝ่ายหญิงควรเดินนําหน้า และเลือกโต๊ะนั่ง ฝ่ายชายควร
แนะนําให้ฝ่ายหญิงสั่งอาหาร
2. ฝ่ายหญิงไม่ควรสั่งอาหารแพง ๆ เพื่อเป็นการแกล้งให้ฝ่ายชายจ่ายเงินมาก ๆ
3. ไม่ตักอาหารจนพูนพาน ไม่เลื่อน หรือเขี่ยอาหารที่ไม่ชอบออกไปนอกจานของตัวเอง
4. กางผ้ากันเปื้อน หรือผ้าเช็ดมือไว้บนตัก รับประทานอาหารเงียบๆ และสุภาพ ไม่พูดคุยหรือ
นั่งเหม่อ
5. ไม่รับประทานอาหารแบบกินคําหนึ่ง ดื่มน้ําครั้งหนึ่ง
6. ไม่แสดงท่าทางรังเกียจอาหารบางอย่าง หรือคนอื่น ๆ
7. ไม่รับประทานอาหารเสียงดัง ซี้ดซ้าด จุ๊บจั๊บ เรอ หรือกวาด งม คุ้ย อาหารบนโต๊ะ
8. ไม่ขออาหารในจานผู้อื่น และไม่คายกาก หรือเศษอาหารไว้ในจานดูเลอะเทอะ
9. ระมัดระวังเครื่องปรุงเครื่องใช้อย่าให้ตกหล่น หรือวางเกะกะผู้อื่น
10. หากทําเครื่องใช้ตกหล่น ไม่ควรก้มลงเก็บ ควรรอให้พนักงานจัดหามาให้ใหม่
11. หากมีการเสิร์ฟอาหารเพิ่มควรตักไว้เพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้น
12. ใช้มือขวาถือมีด มือซ้ายถือส้อมเสมอ แต่ถ้าขณะรับประทานให้ถือซ่อมด้วยมือขวา
13. ห้ามสนทนาในเรื่องสกปรก น่าสะเอียน หรือเรื่องเศร้าสะเทือนใจ
14. ไม่ควรดื่มสุราจนเมามาย และไม่คะยั้นคะยอให้ผู้อื่นดื่มเป็นเพื่อนจนงานเลิก
15. อย่าใช้ช้อนตักน้ําชา กาแฟมากิน ควรวางช้อนในจานรองแก้วแล้วยกถ้วยขึ้นดื่ม
16. ควรใช้ช้อน ส้อม และมีดในการตัดกระดูก หรือก้าง เวลาคายกากเมล็ด หรือก้าง ควรใช้
ผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชูบัง แล้วใช้กระดาษทิชชูรับมาวางไว้ในที่อันสมควร
17. อาหารที่เป็นน้ําซุปต้องรับประทานอาหารจากด้านในของช้อน ขนมปังใช้มือบิเป็นก้อนเล็กทาเนย
แล้วจึงรับประทาน ห้ามกัดทั้งก้อนใหญ่ ๆ อาหารที่เป็นประเภทเสียบไม้ควรใช้มีดกับส้อมตัดออกมาใส่จาน
ก่อนรับประทาน
18. การรับประทานอาหารแบบบุฟเฟต์ ควรเดินตักอาหารเรียงเป็นแถวทวนไปตามเข็มนาฬิกา
ตักอาหารใส่จานแต่พอดีและพออิ่ม ไม่ตักจานล้น แล้วรีบกลับมาที่โต๊ะเพื่อให้แขกคนอื่นตักบ้าง
19. ถ้าคุณเป็นเจ้าของบ้าน หรือเจ้าภาพ ควรทานทีละน้อยเพื่อไม่ให้อิ่มก่อนแขก
มารยาทในการแนะนําให้รู้จักคนอื่น
มารยาทในการแนะนําให้รู้จักคนอื่น
1. แนะนําผู้ชายให้รู้จักผู้หญิง
2. แนะนําผู้อาวุโสน้อยให้รู้จักกบผั ู้อาวุโสมากกว่า
3. แนะนําผู้มียศตาแหน ํ ่งต่ํากว่าให้รู้จักกับผู้มียศตําแหน่งสูงกว่า
4. แนะนําญาติผนู้ ้อยให้รู้จักญาติผู้ใหญ่
5. ผู้มีอายุยศ ตําแหน่งเสมอกัน จะแนะจําฝ่ายใดก่อนก็ได้
6. เวลาแนะนําให้รู้จักกัน ผู้น้อยควรไหว้ผู้ใหญ่และผใหญ ู้ ่ควรรับไหว้ผู้น้อย
7. ถ้าฝ่ายหนึ่งยื่นมือให้จับมือด้วยอย่างสุภาพ เขย่าเล็กน้อย กล่าวคําว่าสวัสดีแล้วปล่อยมอ
1. แนะนําผู้ชายให้รู้จักผู้หญิง
2. แนะนําผู้อาวุโสน้อยให้รู้จักกบผั ู้อาวุโสมากกว่า
3. แนะนําผู้มียศตาแหน ํ ่งต่ํากว่าให้รู้จักกับผู้มียศตําแหน่งสูงกว่า
4. แนะนําญาติผนู้ ้อยให้รู้จักญาติผู้ใหญ่
5. ผู้มีอายุยศ ตําแหน่งเสมอกัน จะแนะจําฝ่ายใดก่อนก็ได้
6. เวลาแนะนําให้รู้จักกัน ผู้น้อยควรไหว้ผู้ใหญ่และผใหญ ู้ ่ควรรับไหว้ผู้น้อย
7. ถ้าฝ่ายหนึ่งยื่นมือให้จับมือด้วยอย่างสุภาพ เขย่าเล็กน้อย กล่าวคําว่าสวัสดีแล้วปล่อยมอ
มารยาทบนรถโดยสารประจําทาง
มารยาทบนรถโดยสารประจําทาง
1. ไม่สูบบุหรี่บนรถโดยสารประจําทาง
2. ไม่นั่งเหยียดขาขวางทางผู้อื่น
3. ไม่คุยเรื่องส่วนตัว คุยเสียงดัง หรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น
4. ไม่จ้องมองผู้โดยสารคนอื่น เพื่อสํารวจตรวจตราออกหน้า
5. ไม่ควรนําสัตว์เลี้ยงขึ้นรถไปด้วย
6. ควรเสียสละที่นั่งให้เด็ก สตรีและคนชรา และช่วยเหลือถือสิ่งของให้คนอื่นตามความเหมาะสม
7. ควรเข้าแถวเมื่อจะขึ้นรถ และควรเตรียมข้าวของให้เรียบร้อยก่อนกดกริ่งเพื่อลงจากรถ
8. ไม่ยืนขวางทางตรงประตูรถ
9. ไม่ควรพูดจาแทะโลมสุภาพสตีหรือส่งเสียงแซวผู้อื่น
10. เตรียมเงินค่าโดยสารให้พอกับจํานวนที่ต้องการจ่ายทุกครั้ง
1. ไม่สูบบุหรี่บนรถโดยสารประจําทาง
2. ไม่นั่งเหยียดขาขวางทางผู้อื่น
3. ไม่คุยเรื่องส่วนตัว คุยเสียงดัง หรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น
4. ไม่จ้องมองผู้โดยสารคนอื่น เพื่อสํารวจตรวจตราออกหน้า
5. ไม่ควรนําสัตว์เลี้ยงขึ้นรถไปด้วย
6. ควรเสียสละที่นั่งให้เด็ก สตรีและคนชรา และช่วยเหลือถือสิ่งของให้คนอื่นตามความเหมาะสม
7. ควรเข้าแถวเมื่อจะขึ้นรถ และควรเตรียมข้าวของให้เรียบร้อยก่อนกดกริ่งเพื่อลงจากรถ
8. ไม่ยืนขวางทางตรงประตูรถ
9. ไม่ควรพูดจาแทะโลมสุภาพสตีหรือส่งเสียงแซวผู้อื่น
10. เตรียมเงินค่าโดยสารให้พอกับจํานวนที่ต้องการจ่ายทุกครั้ง
มารยาทในการประชุม
มารยาทในการประชุม
1. เข้าห้องตรงเวลา ไม่ควรเข้าสาย นั่งตามที่จัดไว้ให้เรียบร้อย
2. ตั้งใจฟังการประชุม หรือคําบรรยาย และไม่รบกวนสมาธิของผู้อื่นด้วยการส่งเสียงดัง กินขนม
หรือชวนคนข้างเคียงคุย
3. แสดงน้ําใจต่อเพื่อน หรือคนอื่น ๆ ที่นั่งข้าง ๆ ด้วยการเลื่อนเก้าอี้ให้เก็บของที่ตกให้บอกข้อความ
และจดคําบรรยายหรือมติที่ประชุมด้วยความตั้งใจ
4. ฟัง และจดคําบรรยาย หรือมติที่ประชุมด้วยความตั้งใจ
5. แสดงความคิดเห็นส่วนตัว หรือซักถามได้แต่ไม่แสดงความคิดเห็นคัดค้าน หรือวิพากษ์วิจารณ์
1. เข้าห้องตรงเวลา ไม่ควรเข้าสาย นั่งตามที่จัดไว้ให้เรียบร้อย
2. ตั้งใจฟังการประชุม หรือคําบรรยาย และไม่รบกวนสมาธิของผู้อื่นด้วยการส่งเสียงดัง กินขนม
หรือชวนคนข้างเคียงคุย
3. แสดงน้ําใจต่อเพื่อน หรือคนอื่น ๆ ที่นั่งข้าง ๆ ด้วยการเลื่อนเก้าอี้ให้เก็บของที่ตกให้บอกข้อความ
และจดคําบรรยายหรือมติที่ประชุมด้วยความตั้งใจ
4. ฟัง และจดคําบรรยาย หรือมติที่ประชุมด้วยความตั้งใจ
5. แสดงความคิดเห็นส่วนตัว หรือซักถามได้แต่ไม่แสดงความคิดเห็นคัดค้าน หรือวิพากษ์วิจารณ์
เสียงดัง
6. ไม่พูดแซงประธาน หรือคนอื่น ๆ ในที่ประชุม
7. ไม่แสดงอาการคัดค้านอย่างรุนแรงและควรเคารพมติของที่ประชุม
8. ไม่พูดจากกวนหรือต่อเรื่องให้ยาวออกนอกประเด็น
9. ขออนุญาตก่อนลุกออกจากที่ทุกครั้ง
10. ฟังผู้พูด หรือคู่สนทนาอย่างตั้งใจ มองหน้าผู้พูดไม่แสดงอาการเบื่อหน่าย
มารยาทตามกาลเทศะ
มารยาทตามกาลเทศะ
มารยาทตามกาลเทศะมีอยู่หลายประการ คอื มารยาทในการยืน เดิน นั่ง
1. การยืน มีอยู่ 2 แบบ
1.1 ยืนแบบธรรมดา ส้นเท้าชิด ปลายเท้าแยกเล็กน้อย ปล่อยตัวตามสบายแขนห้อยแนบลําตัว
ตามองตรง ไม่กอดอก หรือล้วงกระเป๋า
1.2 ยืนต่อหน้าผู้ใหญ่ ตัวตรงเท้าชิด แสดงความนอบน้อมด้วยไหล่ และศีรษะที่ก้มลงเล็กน้อย
สองมือประสานไว้ข้างหน้า ไม่ยืนค้ําหัวผู้ใหญ่ ไม่จ้องหน้าผู้ใหญ่
2. การเดิน มีอยู่ 4 แบบ คือ
2.1 เดินแบบธรรมดา อย่าเดินเรียงแถวหน้ากระดานขวางทางผู้อื่น หรือกระโดดไปเต้นไปเดิน
แกว่งแขนแต่พองาม ไม่เดินช้า หรือเร็วเกินไปและไม่ควรเดินก้มหน้า
2.2 เดินกับผู้ใหญ่ ไม่เดินนําหน้า (ยกเว้นเมื่อต้องเป็นคนนําทาง) ให้เดินเยื้องไปด้านข้าง หรือ
ด้านหลัง ไม่เดินเหม่อลอยต้องเดินระวังตัวตลอดเวลา
2.3 เดินสวนทางกัน ถ้าสวนทางกับเพื่อนควรชิดซ้าย สวนทางกับผู้ใหญ่ควรก้มตัวเมื่อเดินผ่าน ถ้า
เป็นทางแคบควรหยุดให้ท่านไปก่อน ถ้าผู้ใหญ่นั่งอยู่ควรหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นหรือคลานเข่า
2.4 เดินในที่ชุมชน ถ้ามีคนนั่งอยู่ควรมีคนเดินค้อมหลัง และยกมือไหว้สําหรับผู้ใหญ่ที่คุ้นเคยถ้ามี
ประธานนั่งอยู่ต้องทําความเคารพก่อนจะเดินเข้าไป หรือเดินออกมา
3. การนั่ง มีอยู่ 2 แบบ คือ
3.1 การนั่งแบบธรรมดา หรือนั่งประชุม ผู้ชายถ้านั่งเก้าอี้แบบมีพนักพิง ก็ให้เอนหลังพองาม นั่ง
ตามสบาย เหยียดขา ไม่กระดิกเท้า ไขว่ห้าง หรือขยับขาไปมา ผู้หญิงให้นั่งเข่าชิด ไม่แคะ แกะ เกา สะกิดคน
อื่น ตั้งใจฟังการประชุม
3.2 การนั่งต่อหน้าผู้ใหญ่ ควรนั่งตัวตรง ไม่พิงพนัก น้อมตัวลงเล็กน้อย ตั้งใจฟังคําพูดแต่ไม่ควรจ้องหน้าผู้ใหญ่ตลอดเวลา
มารยาทตามกาลเทศะมีอยู่หลายประการ คอื มารยาทในการยืน เดิน นั่ง
1. การยืน มีอยู่ 2 แบบ
1.1 ยืนแบบธรรมดา ส้นเท้าชิด ปลายเท้าแยกเล็กน้อย ปล่อยตัวตามสบายแขนห้อยแนบลําตัว
ตามองตรง ไม่กอดอก หรือล้วงกระเป๋า
1.2 ยืนต่อหน้าผู้ใหญ่ ตัวตรงเท้าชิด แสดงความนอบน้อมด้วยไหล่ และศีรษะที่ก้มลงเล็กน้อย
สองมือประสานไว้ข้างหน้า ไม่ยืนค้ําหัวผู้ใหญ่ ไม่จ้องหน้าผู้ใหญ่
2. การเดิน มีอยู่ 4 แบบ คือ
2.1 เดินแบบธรรมดา อย่าเดินเรียงแถวหน้ากระดานขวางทางผู้อื่น หรือกระโดดไปเต้นไปเดิน
แกว่งแขนแต่พองาม ไม่เดินช้า หรือเร็วเกินไปและไม่ควรเดินก้มหน้า
2.2 เดินกับผู้ใหญ่ ไม่เดินนําหน้า (ยกเว้นเมื่อต้องเป็นคนนําทาง) ให้เดินเยื้องไปด้านข้าง หรือ
ด้านหลัง ไม่เดินเหม่อลอยต้องเดินระวังตัวตลอดเวลา
2.3 เดินสวนทางกัน ถ้าสวนทางกับเพื่อนควรชิดซ้าย สวนทางกับผู้ใหญ่ควรก้มตัวเมื่อเดินผ่าน ถ้า
เป็นทางแคบควรหยุดให้ท่านไปก่อน ถ้าผู้ใหญ่นั่งอยู่ควรหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นหรือคลานเข่า
2.4 เดินในที่ชุมชน ถ้ามีคนนั่งอยู่ควรมีคนเดินค้อมหลัง และยกมือไหว้สําหรับผู้ใหญ่ที่คุ้นเคยถ้ามี
ประธานนั่งอยู่ต้องทําความเคารพก่อนจะเดินเข้าไป หรือเดินออกมา
3. การนั่ง มีอยู่ 2 แบบ คือ
3.1 การนั่งแบบธรรมดา หรือนั่งประชุม ผู้ชายถ้านั่งเก้าอี้แบบมีพนักพิง ก็ให้เอนหลังพองาม นั่ง
ตามสบาย เหยียดขา ไม่กระดิกเท้า ไขว่ห้าง หรือขยับขาไปมา ผู้หญิงให้นั่งเข่าชิด ไม่แคะ แกะ เกา สะกิดคน
อื่น ตั้งใจฟังการประชุม
3.2 การนั่งต่อหน้าผู้ใหญ่ ควรนั่งตัวตรง ไม่พิงพนัก น้อมตัวลงเล็กน้อย ตั้งใจฟังคําพูดแต่ไม่ควรจ้องหน้าผู้ใหญ่ตลอดเวลา
มารยาทโดยทั่วไป
มารยาทโดยทั่วไป
การมีมารยาทเป็นเรื่องสําคัญของมนุษย์ที่อยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน เป็นการแสดงความเคารพให้เกียรติ
กัน คนไทยปัจจุบันมักเรียกตนเองว่า เป็นคนยุคใหม่ และชอบทําอะไรแบบง่าย ๆ ถือเอาความสะดวกสบาย
เป็นหลักพฤติกรรมที่แสดงออกมาในบางครั้งจึงกลายเป็นคนได้มารยาทไปโดยไม่ตั้งใจ การให้เรียนรู้มารยาทใน
สังคมจึงยังเป็นสิ่งสําคัญต่อเยาวชนไทยเป็นอย่างยิ่ง
มารยาทโดยทั่วไปที่ควรทราบมีดังนี้
1. การแต่งกายให้เรียบร้อย การแต่งกายให้เรียบร้อยเหมาะสมกับเวลา และสถานที่ถือว่าเป็นผู้มี
วัฒนธรรม และจะได้รับความเกรงใจจากผู้พบเห็น
2. การสํารวมกิริยาท่าทาง และคําพูด การอยู่ต่อหน้าผู้อื่นต้องสํารวมเรื่องการพูดไม่พูดคําหยาบคาย
ตลกคะนอง เอะอะ แสดงกิริยาท่าทางให้สบเสงี่ยมเป็นการเคารพสถานที่ และรักษาบุคลิกของตนให้ดูดีใน
สายตาของคนอื่น
3. การรู้จักเกรงใจ ไม่ถือวิสาสะ
การเกรงใจ คือ การรู้จักระวังความรู้สึกของคนอื่นในเรื่องต่อไปนี้
- การขอความช่วยเหลือ
- การขออาศัยรถ หรือบ้าน
- การไปเยี่ยมเยือนในเวลาเช้า หรือดึกเกินไป
- - การหยับยืมสิ่งของ ฯลฯ
การไม่ถือวิสาสะ คือ การไม่ปฏิบัติเรื่องต่อไปนี้
- เข้าห้องผู้อื่นโดยไม่เคาะประตู
- หยิบของ หรือใช้ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
- เดินเข้าไปสํารวจในบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
- เปิดจดหมายของคนอื่นออกอ่านโดยไม่ได้รับอนุญาต
4. การให้เกียรติผู้อื่น การให้เกียรติผู้อื่นมีอยู่ 2 แบบ คือ ให้เกียรติด้วยวาจา ได้แก่
- ไม่พูดใส่หน้าจนน้ําลายกระเด็น
- ไม่กล่าวคําล้อเลียน นินทา
- พูดข่ม เยาะเย้ย ดูถูก เหยียดหยาม
ให้เกียรติด้วยท่าทาง ได้แก่
- ไม่สูบบุหรี่ในห้องแอร์หรือในลิฟต์
- ไม่นั่งกางขา นั่งไขว่ห้าง นั่งโยกเก้าอี้
- ไม่ถอดร้องเท้า บิดขี้เกียจ อ้าปากหาว
- ไม่หวีผม ตัดเล็บ แคะ แกะ เกา
- ไม่ยกเท้าไว้บนโต๊ะทํางาน หรือยกเท้าถีบพนักพิงเก้าอี้
- ไม่ยกปลายเท้าชี้แทนมือ หรือยกขาพาดตักผู้อื่น
5. การกล่าวคําขอโทษ และขอบคุณ ควรใช้คําขอโทษ และขอบคุณให้ติดเป็นนิสัย แม้จะเป็นเรื่อง
เล็กน้อยก็ตาม
6. การไม่พูดเพ้อเจ้อ หรือพูดสั่งพร่ําเพรื่อ พูดเพ้อเจ้อ คือ พูดออกนอกลู่นอกทาง นอกเรื่อง ที่กําลัง
เป็นประเด็นสําคัญ พูดสั่งพร่ําเพรื่อ คือ พูดย้ําเตือน พูดสั่งพร่ําเพ้อ หรือ พูดย้ําเตือนกําชับ เพราะกลัวคนฟังจะ
ลืม หากพูดบ่อย ๆ จะถือว่าเป็นการเสียมารยาท
7. การทักทายด้วยรอยยิ้ม และอัธยาศัยไมตรีการทักทายเมื่อพบคนที่รู้จักทําได้หลายวิธีเช่น การ
ยกมือไหว้ผู้ใหญ่การทักทายด้วยความยินดีและการส่งยิ้มให้ก็เป็นการแสดงถึงความเป็นคนที่มีอัธยาศัยไมตรี
อันดีใคร ๆ ก็ต้องการคบหาด้วย
8. การระมัดระวังตัว และอ่อนน้อมถ่อมตน คนที่คอยระมัดระวังตนเองจะไม่เหลียวหน้า เหลียวหลัง
ทําท่าทางเลิกลัก หรือทําตัวเป็นจุดเด่น ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเหมือนคนมีปัญหา ส่วนคนที่นอบน้อมถ่อมตนจะไมแสดงหรือเย่อหยิ่ง จองหอง ซึ่งจะเป็นที่รักใคร่ของผู้อื่น
9. การไม่ทําอะไรตามใจตน และไม่ต่อปากต่อคํากับผู้ใหญ่ วัยรุ่นหรือเยาวชนส่วนใหญ่จะมีลักษณะ
ใจร้อน จึงคิดและตัดสินใจทําอะไรรวดเร็วตามวัย แต่การทําตามใจตนเองนั้น ส่วนใหญ่มักผิดพลาด จึงควรยั้ง
คิดฟังคําตักเตือน และปรึกษาผู้ใหญ่การสนทนากับผู้ใหญ่บางครั้งด้วยวัยที่แตกต่างกันความคิดอาจขัดแย้งกันได้แต่ก็ไม่ควรโต้เถียงกับผู้ใหญ่ควรใช้วิธีค่อย ๆ อธิบายเหตุผลให้ท่านได้ฟังจะดีกว่า
การมีมารยาทเป็นเรื่องสําคัญของมนุษย์ที่อยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน เป็นการแสดงความเคารพให้เกียรติ
กัน คนไทยปัจจุบันมักเรียกตนเองว่า เป็นคนยุคใหม่ และชอบทําอะไรแบบง่าย ๆ ถือเอาความสะดวกสบาย
เป็นหลักพฤติกรรมที่แสดงออกมาในบางครั้งจึงกลายเป็นคนได้มารยาทไปโดยไม่ตั้งใจ การให้เรียนรู้มารยาทใน
สังคมจึงยังเป็นสิ่งสําคัญต่อเยาวชนไทยเป็นอย่างยิ่ง
มารยาทโดยทั่วไปที่ควรทราบมีดังนี้
1. การแต่งกายให้เรียบร้อย การแต่งกายให้เรียบร้อยเหมาะสมกับเวลา และสถานที่ถือว่าเป็นผู้มี
วัฒนธรรม และจะได้รับความเกรงใจจากผู้พบเห็น
2. การสํารวมกิริยาท่าทาง และคําพูด การอยู่ต่อหน้าผู้อื่นต้องสํารวมเรื่องการพูดไม่พูดคําหยาบคาย
ตลกคะนอง เอะอะ แสดงกิริยาท่าทางให้สบเสงี่ยมเป็นการเคารพสถานที่ และรักษาบุคลิกของตนให้ดูดีใน
สายตาของคนอื่น
3. การรู้จักเกรงใจ ไม่ถือวิสาสะ
การเกรงใจ คือ การรู้จักระวังความรู้สึกของคนอื่นในเรื่องต่อไปนี้
- การขอความช่วยเหลือ
- การขออาศัยรถ หรือบ้าน
- การไปเยี่ยมเยือนในเวลาเช้า หรือดึกเกินไป
- - การหยับยืมสิ่งของ ฯลฯ
การไม่ถือวิสาสะ คือ การไม่ปฏิบัติเรื่องต่อไปนี้
- เข้าห้องผู้อื่นโดยไม่เคาะประตู
- หยิบของ หรือใช้ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
- เดินเข้าไปสํารวจในบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
- เปิดจดหมายของคนอื่นออกอ่านโดยไม่ได้รับอนุญาต
4. การให้เกียรติผู้อื่น การให้เกียรติผู้อื่นมีอยู่ 2 แบบ คือ ให้เกียรติด้วยวาจา ได้แก่
- ไม่พูดใส่หน้าจนน้ําลายกระเด็น
- ไม่กล่าวคําล้อเลียน นินทา
- พูดข่ม เยาะเย้ย ดูถูก เหยียดหยาม
ให้เกียรติด้วยท่าทาง ได้แก่
- ไม่สูบบุหรี่ในห้องแอร์หรือในลิฟต์
- ไม่นั่งกางขา นั่งไขว่ห้าง นั่งโยกเก้าอี้
- ไม่ถอดร้องเท้า บิดขี้เกียจ อ้าปากหาว
- ไม่หวีผม ตัดเล็บ แคะ แกะ เกา
- ไม่ยกเท้าไว้บนโต๊ะทํางาน หรือยกเท้าถีบพนักพิงเก้าอี้
- ไม่ยกปลายเท้าชี้แทนมือ หรือยกขาพาดตักผู้อื่น
5. การกล่าวคําขอโทษ และขอบคุณ ควรใช้คําขอโทษ และขอบคุณให้ติดเป็นนิสัย แม้จะเป็นเรื่อง
เล็กน้อยก็ตาม
6. การไม่พูดเพ้อเจ้อ หรือพูดสั่งพร่ําเพรื่อ พูดเพ้อเจ้อ คือ พูดออกนอกลู่นอกทาง นอกเรื่อง ที่กําลัง
เป็นประเด็นสําคัญ พูดสั่งพร่ําเพรื่อ คือ พูดย้ําเตือน พูดสั่งพร่ําเพ้อ หรือ พูดย้ําเตือนกําชับ เพราะกลัวคนฟังจะ
ลืม หากพูดบ่อย ๆ จะถือว่าเป็นการเสียมารยาท
7. การทักทายด้วยรอยยิ้ม และอัธยาศัยไมตรีการทักทายเมื่อพบคนที่รู้จักทําได้หลายวิธีเช่น การ
ยกมือไหว้ผู้ใหญ่การทักทายด้วยความยินดีและการส่งยิ้มให้ก็เป็นการแสดงถึงความเป็นคนที่มีอัธยาศัยไมตรี
อันดีใคร ๆ ก็ต้องการคบหาด้วย
8. การระมัดระวังตัว และอ่อนน้อมถ่อมตน คนที่คอยระมัดระวังตนเองจะไม่เหลียวหน้า เหลียวหลัง
ทําท่าทางเลิกลัก หรือทําตัวเป็นจุดเด่น ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเหมือนคนมีปัญหา ส่วนคนที่นอบน้อมถ่อมตนจะไมแสดงหรือเย่อหยิ่ง จองหอง ซึ่งจะเป็นที่รักใคร่ของผู้อื่น
9. การไม่ทําอะไรตามใจตน และไม่ต่อปากต่อคํากับผู้ใหญ่ วัยรุ่นหรือเยาวชนส่วนใหญ่จะมีลักษณะ
ใจร้อน จึงคิดและตัดสินใจทําอะไรรวดเร็วตามวัย แต่การทําตามใจตนเองนั้น ส่วนใหญ่มักผิดพลาด จึงควรยั้ง
คิดฟังคําตักเตือน และปรึกษาผู้ใหญ่การสนทนากับผู้ใหญ่บางครั้งด้วยวัยที่แตกต่างกันความคิดอาจขัดแย้งกันได้แต่ก็ไม่ควรโต้เถียงกับผู้ใหญ่ควรใช้วิธีค่อย ๆ อธิบายเหตุผลให้ท่านได้ฟังจะดีกว่า
มารยาท
มารยาท
มารยาท, มรรยาท, จริยา หรือ จรรยา หมายถึงแบบแผนของการประพฤติปฏิบัติที่ถูกวาดเค้าโครงไว้ให้เป็นพฤติกรรมทางสังคม ตามที่กำหนดโดยบรรทัดฐานประเพณีร่วมสมัยภายในสังคม ชนชั้น หรือกลุ่มทางสังคม การประพฤติตามมารยาทจะเป็นที่ยอมรับในสังคม ในทางตรงข้าม การไม่ปฏิบัติตามมารยาทหรือการปฏิบัติผิดแผกไปจากปรกติอาจถูกสังคมครหา มารยาทไม่ได้ติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ได้มาจากสิ่งแวดล้อม การศึกษา และการอบรมเป็นสำคัญ [1]
มารยาทเป็นหลักการบ่งบอกว่าสิ่งใดควรกระทำหรือไม่กระทำ และจะกระทำอย่างไรในสถานการณ์ที่กำหนด มารยาทบางข้อก็มีเหตุผลรองรับตัวอย่างเช่น เมื่อพบผู้ใหญ่ก็ต้องสวัสดี เพื่อเป็นการนบนอบ ห้ามนอนกินข้าว เพราะอาจทำให้สำลักอาหาร ห้ามเคาะปากหม้อด้วยจวัก เพราะจะทำให้หม้อข้าวแตก (สมัยโบราณใช้หม้อดินหุงข้าว) รวบช้อมส้อมเมื่อรับประทานเสร็จ เพื่อบ่งบอกให้บริกรทราบและให้เก็บจาน เป็นต้น ในขณะที่บางข้อก็หาคำอธิบายไม่ได้ เช่น ห้ามกางร่มในบ้าน ห้ามกินกล้วยแฝด ห้ามร้องเพลงในครัว เป็นอาทิ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)